บทความที่ได้รับความนิยม

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประยงค์

ลักษณะทั่วไป
  • ประยงค์เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลักษณะลำต้นและใบคล้ายกับต้แก้ว ลำต้นมีความสูงประมาณ 3-6 เมตร ผิวเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลอ่อน ใบมีลักษณะมนรี ปลายใบแหลม โคนแหลม พื้นใบมีสีเขียว ลักษณะคล้ายกับต้นแก้วแต่การแตกใบของประยงค์จะออกตามปลายกิ่งหนาแน่นและเป็นช่อดอกออกเป็นช่อยาวตามปลายกิ่งดอกมีขนาดเล็กสีเหลือง มีกลีบดอก 5 กลีบ



การเป็นมงคล
  • คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นประยงค์ไว้ประจำบ้านจะมีความยั่งยืนความมั่นคง เพราะ ประยงค์ หรือ กระยง คือความยืนยง ความมั่นคงหรือความอยู่ยงคงกระพัน
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
  • เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นประยงค์ไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์ เพราะคนโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์
การปลูก
  • นิยมปลูกในแปลงปลูก เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาด หลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก คนโบราณนิยมปลูกประดับบริเวณบ้าน เพื่อจะให้ดอกที่สวยงาม
การดูแลรักษา

แสง                         ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

น้ำ                            ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง

ดิน                           ชอบดินร่วนซุย

ปุ๋ย                           ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ 4-5 ครั้ง/ปี
                                
การขยายพันธ์         การตอน
   
โรคและศัตรู             ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค และศัตรูเพราะ เป็นไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพธรรมชาติได้ดี



 credit : www.maipradabonline.com

โมก

ลักษณะทั่วไป
  • โมกเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 5-12 เมตร ผิวเปลือกสีนำตาลดำ ลำต้นกลมเรียบมีจุดเล็ก ๆ สีขาวประทั่วต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกรอบลำต้นไม่เป็นระเบียบใบเป็นใบเดียวออกเรียงกันเป็นคู่ตามก้านใบลักษณะใบเป็นรูปไข่ รี ปลายใบมนแหลม โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบบางสีเขียว ขนาดใบกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ อยู่ตามปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมีดอก 4-8 ดอก ลักษณะดอกจะคว่ำหน้าลงสู่พื้อนดิน มีกลีบดอก 5 กลีบ มีสีขาวกลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่มีขนาด ประมาณ 2 เซนติเมตร ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอกจะออกมาเป็นคู่ ลักษณะโค้งงอเข้าหากัน ภายในมีเมล็ดเรียงอยู่เป็นจำนวนมาก ขนาดความยาวของฝักประมาณ 10-15 เซนติเมตร

การเป็นมงคล
  • คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นโมกไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความสุขความบริสุทธิ์เพราะโมกหรือโมกขหมายถึงผู้ที่หลุดพ้นด้วยทุกข์ทั้งปวง สำหรับส่วนของดอกก็มีลักษณะ สีขาว สะอาด มีกลิ่นหอมสดชื่นตลอดวัน นอกจากนี้ยังช่วยคุ้มครองปกป้องภัยอันตรายเพราะต้นโมกบางคนเรียกว่าต้นพุทธรักษาดังนั้นเชื่อว่าต้นโมกสามารถคุ้มกันรักษาความปลอดภัยทั้งปวงจากภายนอกได้เช่นกัน และยังเชื่ออีกว่าส่วนของเปลือกต้นโมกสามารถใช้ป้องกันอิทธิฤทธิ์ของพิษสัตว์ต่างๆ ได้
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
  • เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นโมกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์
การปลูก มี 2 วิธี
  • การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้ เพื่อประดับบริเวณหน้าบ้าน
  • การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารบ้านเรือน ใช้กระถางทรงสูงขนาด 12-18 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ขุยมะพร้าว:ดินร่วนอัตรา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถางบ้างแล้วแต่ความเหมาะสมของทรงพุ่มเพราะการ   เจริญเติบโตของทรงพุ่มโตขึ้น และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เหสื่อมสภาพไป
การดูแลรักษา

แสง                         ต้องการแสงแดดปานกลาง จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

น้ำ                            ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง

ดิน                          ชอบดินร่วนซุย มีความชื้นปานกลาง

ปุ๋ย                          ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 4-6 ครั้ง

การขยายพันธ์         การตอน การเพาะเมล็ด การปักชำ วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การเพาะเมล็ด การปักชำ

โรคและศัตรู             ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและศัตรู เพราะเป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพธรรมชาติพอสมควร





 credit : www.maipradabonline.com




ปีบทอง

     หรือ กาซะลองคำ  เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลจังหวัดเชียงราย และเป็นเป็นพรรณไม้ประจำมหาวิทยาลัยสองแห่ง คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เรียกว่า "กาซะลองคำ" และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เรียกว่า "ปีปทอง"
     ดอก สีเหลืองอมส้ม หรือสีส้ม ออกเป็นกระจุกตามกิ่งและลำต้น กระจุกละ 5 - 10 ดอก บานไม่พร้อมกัน กลีบเลี้ยงรูปถ้วยสีม่วงแดง กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด ยาว 4 - 7 ซม. ปลายเป็นแฉกสั้น ๆ 5 แฉก ผลเป็นฝัก ยาว 26 - 40 เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตกเป็น 2 ซีก


วิธีการปลูก
  • นิยมปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก :ดินร่วนอัตรา 1:2 ผสมดินปลูกถ้าปลูกประดับบ้านเรือนหรืออาคารควรปลูกให้มีระยะห่างที่เหมาะสมเพราะปีปเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มใหญ่พอสมควร
การเป็นมงคล
  • คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นปีปไว้ประจำบ้านจะทำให้เก็บเงินเก็บทองได้มาก เพราะ ปีป คือ ภาชนะที่ใช้ในการบรรจุของ ดังนั้นคนไทยโบราณเรียกภาชนะใส่ของที่มีค่าว่า ปีปเงิน ปีปทอง นอกจากนี้ยังเชื่ออีกว่าสามารถทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะปีปมีลักษณะแข็งและโปร่ง เวลาเคาะหรือตีจะเกิดเสียงดังไปไกล
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
  • เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นปีปไว้ทางทิศตะวันตกผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณ ทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์ ถ้าจะให้เป็นมงคลมากยิ่งขึ้น ผู้ปลูกควรเป็นผู้ที่เกิดในวันจันทร์ เพราะปีปเป็นดอกไม้ประจำของนางโคราคเทวีซึ่งเป็นนางประจำวันจันทร์ในธดาของพระอินทร์นอกจากนี้ถ้าหากผู้อาศัยในบ้านเกิดในวันจันทร์ด้วยแล้วก็จะเป็นศิริมงคลมากยิ่งขึ้น
การดูแลรักษา

แสง                           ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

น้ำ                            ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง

ดิน                           ชอบดินร่วนซุย

ปุ๋ย                             ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1: 3 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 4-5 ครั้ง

การขยายพันธุ์           การใช้เมล็ด และการปักชำ
                                
โรคและศัตรู              ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและศัตรู เพราะมีความทนทานสภาพธรรมชาติได้ดี



 credit : www.maipradabonline.com

ทองกวาว

ลักษณะทั่วไป 
  • ทองกวาวเป็นพรรณไม้ยืนต้น ขนาดกลางและใหญ่ ลำต้นสูงประมาณ 12-18 เมตร ผิวเปลือกสีน้ำตาลหรือสีเทาคล้ำ ผิวเปลือกเป็นตุ่มหรือปม การแตกกิ่งก้านไปในทิศทางที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบ ใบออกเป็นช่อมีใบประกอบ 3 ใบ  ก้านใบยาวประมาณ 15 - 20 เซนติเมตร ลักษณะใบกลม ปลายมน รีแหลม โคนใบมนสอบ ขนาดใบกว้าง 2 - 5 นิ้ว ยาวประมาณ 4 - 8 นิ้ว อกดอกเป็นช่อคล้ายกับดอกทองหลาง ดอกมีขนาดใหญ่สีแดงหรือสีเหลือง ดอกเป็นช่อสั้น มีกลีบดอก 5 กลีบ ผลมีลักษณะเป็นฝัก แบน โค้งงอเล็กน้อย ฝักยาวประมาณ 10 - 12 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร เปลือกนอกสีน้ำตาลอ่อน ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็ก




การเป็นมงคล
  • คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นทองกวาวไว้ประจำบ้านจะทำให้มีทองมาก เพราะทองกวาวเป็นไม้มงคลนาม คือสามารถมีทองได้ตามธรรมชาติหรือมีทองมากนั่นเอง นอกจากนี้ดอกยังมีความสวยเรืองรองดั่งทองธรรมชาติ
 ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
  • เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นทองกวาวไว้ทางทิศใต้ผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์ถ้าให้เป็นสิริมงคลยิ่งขึ้นผู้ปลูกควรเป็นผู้ใหญ่ที่ควรเคารพนับถือ และเป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดีก็จะเป็นสิริมงคลยิ่งนัก
การปลูก
  • นิยมปลูกลงในแปลงปลูก เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วนอัตรา 1:2 ผสมดินถ้าปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านหรืออาคารควรให้มีระยะห่างที่เหมาะสมเพราะทองกวาวเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มใหญ่พอสมควร
การดูแลรักษา
แสง                         ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง

น้ำ                            ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง

ดิน                          ชอบดินร่วนซุย

ปุ๋ย                          ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2 : 3 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 3- 5 ครั้ง
                                
การขยายพันธ์          การเพาะเมล็ด

โรค                           ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนต่อโรคพอสมควร




 credit : www.maipradabonline.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มะกอกฝรั่ง

     เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่อาจสูงถึง 10 ม.(เท่าสันจั่วหลังคาบ้านสองชั้น) ได้ อายุหลายสิบปี ขนาดผลโต  ออกดอกติดผลเป็นพวงขนาดใหญ่ที่ปลายกิ่ง ปลูกได้ในทุกภาค ทุกพื้นที่และทุกฤดูกาล ออกดอกติดผลได้ตั้งแต่ต้นยังเล็ก (อายุต้น 6 เดือน ความสูง ½-1 ม.หรือรากเริ่มเจริญ) แล้วจะออกดอกติดผลเรื่อยไปตลอดปีแบบไม่มีฤดูกาล ช่วงที่ต้นยังเล็กและเตี้ยเรียกว่า  มะกอกเตี้ย  ซึ่งขนาดผลจะเล็กและรสชาติยังไม่ดีนัก ต่อเมื่ออายุต้นมากขึ้นหรือต้นใหญ่ขึ้นเรียกว่า มะกอกฝรั่ง  ซึ่งขนาดผลจะโตกว่ามะกอกเตี้ยถึงเท่าตัวและรสชาติก็ดีกว่าด้วย  ช่วงที่เป็นมะกอกเตี้ยไว้ผลแต่น้อย (ช่อละ 1-2 ผล) แล้วบำรุงให้ถูกต้องเต็มที่ครบวงจรอย่างสม่ำเสมอขนาดผลและรสชาติก็จะเทียบเท่ามะกอกฝรั่งได้เช่นกัน  เจริญเติบโตดีในดินร่วนปนทราย  สภาพดินที่มีความชื้นน้อยๆจะออกดอกติดผลดี  สภาพดินเปียกชื้นแฉะ ดินเหนียวอุ้มน้ำจะเกิดอาการใบเหลืองร่วง  ไม่ออกดอกติดผลแล้วตายไปในที่สุด ต้นโตให้ผลผลิตแล้วเมื่อแตกยอดใหม่จะมีดอกออกตามมาที่ปลายยอดเสมอ ออกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่น  เป็นดอกสมบูรณ์เพศที่ผสมตัวเองหรือต่างดอกต่างต้นได้
                        
ระยะปลูก
  • ระยะห่างปกติ  4 X 6 ม. หรือ 6 X 6  ม.
  • ระยะชิดพิเศษ  2 X 3 ม. หรือ 2 X 4  ม.
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
  • ให้ยิบซั่มธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง
  • ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา(แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
  • ให้กระดูกป่น  ปีละ 1 ครั้ง
  • คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม  ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่มให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง 
วิธีการปลูก
  • ขุดหลุม ให้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ลึก 40 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
  • นำกิ่งพันธุ์มาปลูกโดยตั้งต้นให้ตรง
  • เอาหน้าดินหรือดินดีกลบให้แน่น
การดูแลรักษา
  • รดน้ำ ใส่ปุ๋ยคอก และฉีดน้ำหมักมูลสุกรบำรุง เดือนละ 1-2 ครั้ง และจะหยุดฉีดตอนมะกอกติดผลแล้ว ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผลร่วงได้
  • การปลูกมะกอกรวมกับผลไม้ชนิดอื่น ต้องระวังเนื่องจากรากของมะกอกมีความหนาแน่นมาก ผลไม้อื่นจะสู้ความหนาแน่นรากของมะกอกไม่ได้
  • จะต้องบำรุงดินเสริมด้วยปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และฉีดน้ำหมักบำรุง จะช่วยให้ออกผลผลิตตลอดปี
  • เทคนิคบำรุงต้นให้สมบูรณ์อยู่เสมอควรให้ฮอร์โมนบำรุงราก 2-3 เดือน/ครั้งให้ไซโตคินนิน 1-2 เดือน/ครั้ง และการบำรุงต้นแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.(ซากสัตว์ฝังโคนต้น)ต่อเนื่องหลายๆปีจะช่วยให้ต้นมีความสมบูรณ์ดีส่งผลให้ออกดอกติดผลดกตลอดปี

**มะกอกฝรั่งจะให้ผลผลิตตั้งแต่ปีที่ 2 หลังจากปลูก แต่จะให้ผลผลิตเต็มที่ในปีที่ 3 ของการปลูก**

มะกอกน้ำ

      ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 8-10 เมตร เรือนยอด เป็นพุ่มกลม โปร่ง แตกกิ่งต่ำสัดส่วนของเรือนยอด 70% ของลำต้น จึงมักพบว่ามีหลายลำต้นในต้นเดียวกัน ลำต้นมีเปลือกนอกสีเทา มีลายขาวของราติดอยู่ทั่วไป เปลือกในสีแดงอ่อน ใบเดี่ยวเรียงแบบบันไดเวียนห่างๆ รูปไข่กลับ หรือขอบขนานแกมไข่กลับ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 5.5-8.5 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนใบสอบแคบขอบใบหยักมนตื้นๆ และห่างๆ ใบเกลี้ยงก้านใบสีแดง ยาว 1-2 เซนติเมตร เส้นแขนงใบจำนวน 7-9 คู่ ออกเรียงสลับไม่เป็นระเบียบ ปลายเส้นแขนง ดอกออกเป็นช่อดอกตามซอกใบ ยาว 4-5 เซนติเมตร มีขนสีขาวเป็นเงา กลีบรองกลีบดอก 5 กลีบ มีขนาดยาวกว่ากลีบดอกเล็กน้อย ขอบกลีบจักเป็นฝอย ลึกประมาณครึ่งหนึ่งของความยาว ไม่มีขน เกสรตัวผู้จำนวนมาก มีขนสั้นๆ รังไข่มีขนหยิกเป็นมัน ภายในมี 2-5 ช่องแต่ละช่องมีไข่อ่อน 2 หน ผลสดรูปรี ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร สีเขียวอ่อน เนื้อนุ่ม เนื้อรับประทานได้ รสเปรี้ยวๆฝาดๆ เมล็ดแข็งมีเมล็ดเดียว รูปรี ปลายแหลมทั้งสองด้าน ผิวเมล็ดขรุขระ ผลอ่อน สีเขียวนวลๆ ผลแก่สีเขียวอมเหลือง


วิธีการปลูกและดูแลรักษา 
  • ขั้นตอนการปลูก ขั้นตอนแรกทำการไถดินในพื้นที่ปลูกแล้วตากดินให้แห้ง สร้างคันล้อมบริเวณรอบๆพื้นที่เพื่อป้องกันน้ำท่วม ยกร่องแปลงปลูก ขนาดกว้าง 6 เมตรสูง 80 เซนติเมตรเว้นเป็นร่องน้ำ 1 เมตรหลังจากยกร่องแปลงปลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการขุดหลุมเพื่อปลูกมะกอกน้ำ เมื่อทำการปลูกแล้วควรรดน้ำต้นมะกอกน้ำทันที หลังจากนั้นควรลดน้ำทุก 5-7 วัน/ครั้ง โดยสังเกตที่โคนต้นอย่าให้แฉะจนเกินไป และควรมีน้ำตลอดทั้งปี
  •  ระยะปลูก ระยะระหว่างหลุม/ต้น 4x4 เมตร สามารถปลูกได้ 100 ต้นในพื้นที่ 1 ไร่หรือระยะ 4x5 เมตร สามารถปลูกได้ 80 ต้น ในพื้นที่ 1 ไร่หลังจากที่นำต้นมะกอกน้ำมาปลูกควรใช้ไม้ปักและใช้เชือกผูกยึดเพื่อป้องกันลม
  •  การใส่ปุ๋ย เมื่อต้นมะกอกน้ำมีอายุ 3 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยคอกระหว่างต้น ประมาณ 1 กระสอบปุ๋ย และปุ๋ยเคมี ใส่สูตรเสมอคือ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ปริมาณการใส่อัตรา 1 ช้อนแกงต่อ 1 ต้น ใส่ทุกๆ2 เดือน และรดน้ำตามทันที และหลังจากนั้นใส่ปุ๋ยคอกทุก 6 เดือน
  • โรคและแมลง เพลี้ยไฟ ไรแดง หนอนกินใบ  การป้องกันกำจัดคือใช้กำมะถัน หรือสารเคมีทั่วๆไปฉีดพ่น เพื่อป้องกันและทำลายในช่วงที่มีการระบาด
สรรพคุณทางยา
  • เปลือกแห้งนำมาตากแดดให้แห้งแล้วนำมาต้มกินเพื่อเป็นยาฟอกเลือดหลังการคลอดบุตร ส่วนผลนั้นนำมาดองหรือเชื่อม นำรับประทานทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ
ประโยชน์ทางไม้ประดับ
  • มะกอกน้ำสามารถนำมาเป็นไม้ประดับได้ ปลูกง่าย โตเร็ว เป็นทรงพุ่มสวยงาม ร่มรื่น มีดอกสีขาว มองดูแล้วสร้างความสดชื่นให้กับผู้ที่ปลูกได้เป็นอย่างดี
       

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทับทิม

    ทับทิมเป็นไม้พุ่มแตกกิ่งก้าน โคนต้นมีกิ่งที่เปลี่ยนไปเป็นหนามยาว แข็ง ใบ เดี่ยว แผ่นใบแคบ ขอบใบเป็นรูปขอบขนาน ยอดอ่อนเป็นสีแดง ใบออกเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกัน หรือใบออกสลับกัน ดอก เดี่ยว กลีบเลี้ยงหนาสีแดง จะคงทนอยู่จนเป็นผล กลีบดอกสีแดง หรือสีเหลืองอ่อน ถ้ากลีบดอกสีแดง ผลเมื่อแก่จัดจะมีเปลือกแดงปนชมพู ปนน้ำตาลเหลือง ถ้ากลีบดอกสีเหลืองอ่อน ผลแก่จัดสีเหลืองปนน้ำตาล ผล กลมโต แล้วแต่พันธุ์ เปลือกนอกของผลหนาค่อนข้างเหนียว เปลือกด้านในสีเหลือง ภายในมีเมล็ดเป็นจำนวนมาก อัดกันแน่นเต็มเปลือก แต่ละเมล็ดมีเนื้อสีชมพู หรือสีแดงลักษณะใส มีรสหวาน หวานอมเปรี้ยว



วิธีการปลูก
  • การปลูกทับทิม ฤดูปลูกทับทิมที่เหมาะสมที่สุดนั้นควรเป็นช่วงต้นฤดูฝนถึงกลางฤดูฝน เนื่องจากทับทิมจะได้รับความชุ่มชื้นจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ ทำให้ลดภาระในการให้น้ำช่วงแรกลงไป การเตรียมพื้นที่ปลูก ในกรณีปลูกในพื้นที่ราบน้ำใต้ดินต่ำ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่มในภาคกลางใช้วิธีการปลูกแบบยกร่อง การยกร่องไม่จำเป็นต้องให้สูงมากนัก หลังร่องควรกว้างประมาณ 5 - 7 เมตร และความกว้างของร่องน้ำ 2 เมตร สามารถปลูกทับทิมได้ 2 แถว ในพื้นที่ลาดชัน ควรจัดเตรียมพื้นที่ให้เป็นขั้นบันไดเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน การเตรียมหลุมปลูกและกำหนดระยะปลูก เมื่อเตรียมดินด้วยการไถพรวนทิ้งไว้ระยะหนึ่งแล้วจึงกำหนดระยะปลูก ทับทิมพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันทั่วไปมีระยะการปลูกแคบแต่ถ้าเป็นทับทิมพันธุ์ต่างประเทศควรกำหนดระยะปลูกให้ห่างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ระยะที่เหมาะสมที่สุดคือ 3 x 3 เมตร จะวางแผนการปลูกแบบสลับฟันปลาหรือแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็ได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมโดยประมาณ ถ้าปลูกแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะได้ 170 ต้นต่อไร่ และเพิ่มจำนวนขึ้นเล็กน้อยถ้าปลูกแบบสลับฟันปลา หลุมปลูกทับทิมควรมีขนาดกว้างประมาณ 1 ศอก ลึก 1 ศอก ขุดโดยแยกดินบนและดินล่างไว้คนละด้านนำดินบนที่ขุดลงก้นหลุมพร้อมๆกับปุ๋ยหมัก หรืออาจผสมดินบนกับหญ้า หรือหญ้าหมักก็ได้ ทิ้งไว้จนแน่ใจว่าหญ้าย่อยสลายหมดแล้วจึงค่อยปลูก ดินผสมปุ๋ยที่กลบลงในหลุมควรให้ระดับสูงขึ้นต่ำกว่าปากหลุมประมาณ 1 ฝ่ามือ ทิ้งดินผสมไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงลงมือปลูก


การดูแลรักษา
  • เมื่อต้นอ่อนควรรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยคอกพอควร อายุ 6 เดือนทับทิมจะแตกพุ่มโดยรอบ อย่าให้ร่มเงาไม้ใหญ่บัง เพราะต้นจะแคระแกรน และไม่ออกดอก ออกผลเลย ฉีดยาป้องกันเพลี้ยไฟ และด้วงในระยะที่ต้นแตกพุ่ม ครั้นเมื่อต้นแก่ควรตัดกิ่งแก่ทิ้ง หรือปลูกแซมต้นเก่าบ้างก็ได้